พูดถึงเวลาถ้าเราจะทำบุญ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึง การตักบาตรพระหรือเข้าวัดทำบุญ เป็นส่วนมาก แต่ถ้าหากว่าเราไม่ค่อยมีเวลาตักบาตรพระหรือเข้าวัดทำบุญ
ก็เลยเสียโอกาสในการสะสมบุญของเรา
วันนี้ จึงมีเรื่องมาเล่าให้ทุกๆ คนได้อ่าน พิจารณากัน เผื่อจะได้แง่มุมใหม่ๆ ในการสร้างบุญกุศลสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาหรือมีเวลาทำเป็นปกติอยู่แล้ว แต่มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้ได้อ่านเพื่อจะได้เข้าใจว่า ถ้าเราทำอย่างที่บอกต่อไปนี้ เราจะได้อะไรบ้าง ?
เชื่อว่าที่บ้านของทุกคนจะต้องมีหิ้งพระบูชาหรือโต๊ะหมู่บูชา แต่ถ้าไม่มีให้หารูปพระมาติดไว้ที่ผนังบ้านก็ได้ จากนั้นให้เราหาขัน หรือกระปุกออมสิน หรือบาตรพระ ทุกวันให้เราทุกคนสละเวลาเพียงวันละประมาณ ๒๐ - ๓๐ นาที สวดมนต์ไหว้พระเวลาไหนก็ได้ที่เราว่าง เราสบายใจ เช้า สาย บ่ายเย็น หรือก่อนนอนก็ได้
โดยเริ่มสวดจากบท
" อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ
อะระหัง สัมมาสัมพุธโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมี
( กราบ )
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามี ( กราบ )
สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ( กราบ ) "
ระหว่างที่ตั้งนะโม ก็ให้เราเอาเงินมาจบไว้ที่มือจะกี่บาทก็ได้ ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาทหรือจะมากกว่านั้นก็ได้ตามศรัทธาจากนั้นก็เริ่มสวด
" สรณคมนปาฐะ ( พุทธัง สะระนัง)
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ
ต่อจากนั้น ก็เริ่มสวด บทพระพุทธคุณ ( อิติปิโส ภะคะวา ฯลฯ ) บทพระธรรมคุณ ( สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ฯลฯ ) บทพระสังฆคุณ ( สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ฯลฯ ) ถ้ามีเวลาให้สวดบท พาหุง มหากา ฯลฯ ต่อ จบแล้วให้กลับมาสวด พระพุทธคุณ
บทเดียว ๙ จบ หรือเท่าอายุบวกหนึ่ง
ถามว่าเราจะได้อะไรจากการปฏิบัติอย่างนี้ ?
๑. ถามว่า ขณะที่เราสวดมนต์อยู่นั้น เราสวดมนต์บูชาใคร ?
ตอบ เราสวดมนต์บูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขณะที่สวดจิตเราก็น้อมอยู่กับคุณพระรัตนตรัย ขณะนั้น จิตเรามีพุทธานุสสติ, ธัมมานุสสติ, สังฆานุสสติได้แล้วกรรมฐาน 3 กอง
๒. ขณะที่สวดมนต์อยู่นั้น เราสวดมนต์ด้วยจิตที่มีอาการสำรวม มีความตั้งใจในการสวด ถามว่า อาการที่จิตสำรวม มีความตั้งใจในการสวดนั้น เป็นอาการของอะไร ?
ตอบ เป็นอาการของสมาธิ ได้แล้วสมาธิเบื้องต้น
๓. ขณะที่สวดมนต์ด้วยจิตที่มีอาการสำรวม มีความตั้งใจ จิตของเราก็คอยนึกถึง ระวังไม่ให้หลงลืมในบทสวด ถามว่า อาการที่คอยนึกถึง ระวังไม่ให้หลงลืมในบทสวดนั้น เป็นอาการของอะไร ?
ตอบ เป็นอาการของสติ ได้ฝึกสติในการสวดมนต์ไปในตัว
4.ขณะที่เราสวดมนต์เสร็จตั้งจิตเป็นสมาธิ อธิษฐานจิต เอาเงินที่จบใส่ลงไปในภาชนะที่ได้เตรียมไว้เป็นทานบารมี อธิษฐานบารมี ซึ่งก็วกมาเข้าเรื่องของบารมี ๓๐ ทัศ
บารมี แปลว่าอะไร ?
ความดีที่ควรบำเพ็ญซึ่งประกอบด้วย
๑. ทานบารมี
๒. ศีลบารมี
๓. เนกขัมมะบารมี
๔. ปัญญาบารมี
๕. วิริยะบารมี
๖. ขันติบารมี
๗. สัจจะบารมี
๘. อธิษฐานบารมี
๙. เมตตาบารมี
๑๐. อุเบกขาบารมี
ถ้าจะถามว่า การที่เราสวดมนต์เพียงไม่กี่นาทีตรงนี้
เราจะได้บารมีอะไรบ้าง ?
ตอบ ...
๑. ขณะที่เราสวดมนต์เสร็จเราทำทาน คือเอาเงินที่จบใส่ในขัน ฯลฯ เป็น
ทานบารมี
๒. ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ในขณะนั้น เราไม่ได้ทำบาปกรรมกับใคร มีศีลอยู่ในขณะที่สวด เป็น ศีลบารมี
๓. ขณะที่เราสวดมนต์อยู่จิตเราปราศจากนิวรณ์มารบกวนใจ ถือว่าเป็นการบวชใจ เป็น เนกขัมมะบารมี
๔. ถ้าจะถามว่า การที่เราสวดมนต์ไหว้พระ
เราทำด้วยความงมงายหรือไม่ ?
ตอบ ... ไม่ ทำด้วยศรัทธา ทำด้วยปัญญาที่เห็นว่ามันเป็นประโยชน์ ช่วยฝึกจิตฝึกใจให้เกิดสติ มีสมาธิ เป็น ปัญญาบารมี
๕. ถ้าเราไม่มีความเพียร เราก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีความเพียรเป็น วิริยะบารมี
๖. มีความเพียรแล้ว ไม่มีความอดทน ความเพียรก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีความอดทน ความอดทนเป็น ขันติบารมี
๗. มีความเพียร มีความอดทนแล้ว แต่ขาดสัจจะในการกระทำ หมายถึง ความจริงใจ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมีความจริงใจในการประพฤติปฏิบัติ ความจริงใจเป็น สัจจะบารมี
๘. เมื่อเราสวดมนต์เสร็จทำสมาธิ ตั้งจิตอธิษฐาน การอธิษฐานเป็น อธิษฐานบารมี
๙. ใส่บาตรเสร็จก็ต้องแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล การแผ่เมตตาเป็น เมตตาบารมี
๑๐. ขณะที่แผ่เมตตา เราก็ต้องทำใจให้เป็นเมตตา ไม่มีประมาณในสัตว์ทั้งหลาย ทำใจให้เป็นพรหมวิหาร อุเบกขา วางเฉย อโหสิกรรมกับบุคคลที่เราได้เคยล่วงเกินกันมา ไม่โกรธใคร ไม่เกลียดใคร ไม่ชอบใคร ไม่ชังใคร ทำใจให้นิ่ง ทำจิตให้สงบเย็น วางจิตให้เป็นอุเบกขา เป็นอุเบกขาบารมี ( คืออุเบกขาทีทรงด้วยพรหมวิหาร)
เพียงแค่เราสวดมนต์เพียงไม่กี่นาทีต่อวัน เราก็ได้บารมีครบถ้วน และสิ่งเหล่านี้เองก็จะสะสมในใจของเราทีละเล็กละน้อย เหมือนเราเก็บเงินวันละบาท 10 วันก็ได้ 10 บาท แต่ถ้าเราไม่ทำอะไร เราก็จะไม่ได้อะไรเลย แล้วเงินที่เราหยอดทุกวันที่ได้จากการสวดมนต์ ก็เหมือนกับเราได้ใส่บาตรทุกวันโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เมื่อมีโอกาสเข้าวัด เราก็เอาเงินนั้นแหละไปทำบุญหยอดตู้บริจาค ซื้อของถวายพระสงฆ์ ได้ซองผ้าป่ามา ก็เอาเงินที่เราสวดนั้นแหละ ใส่เข้าไปในซองผ้าป่า หากมีการสร้างพระ สร้างหนังสือธรรมะ หรืออะไรต่างๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์ก็เอาเงินที่เราหยอดทุกวันนั้นแหละ ไปทำบุญได้อานิสงส์มากแล้วจิตของเราก็จะติดอยู่กับกุศลทุกวัน เมื่อถึงเวลามันก็จะรวมเข้าในจิตของเราเป็นหนึ่งเดียว
มีหลายคนที่แนะนำให้ไปทำ ปรากฏว่าทำแล้ว จิตมีสมาธิมากขึ้น มีสติดีขึ้น จากคนที่ใจร้อน ก็ทำให้จิตใจมีอารมณ์เยือกเย็นขึ้น
จะคิดทำอะไรก็รู้สึกว่าคล่องตัวมีคนช่วยเหลือ
ก็ฝากไว้เป็นแนวทางปฏิบัติ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำบุญตักบาตรพระ หรือเข้าวัด ถ้าท่านเห็นว่ามีประโยชน์ ก็พยายามเจริญศรัทธาให้มาก ปฏิบัติให้ได้ทุกวัน
แล้วท่านจะเห็นผลได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน โดยไม่ต้องสงสัย
ขอบพระคุณหนังสือสวดมนต์ถวายพรพระ
โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน