โทษคนอื่นแลเห็นเท่าภูเขา โทษตัวเราแลไม่เห็นเท่าเส้นผม
“พระพุทธเจ้า” ท่านตรัสสอนว่า อัตตานาโจทะยะตานัง คือ “โจษตนเองโทษตนเอง เห็นโทษตัวเองได้เมื่อไรก็จะกลายเป็นบัณฑิต ทำให้ตัวเองเป็นผู้รู้จริง”
มีคำกล่าวอีกบทหนึ่งว่า บุคคลใดเริ่มเห็นโทษตัวเองได้ เห็นความผิดตัวเองได้ ย่อมมีโอกาสเป็นบัณฑิตได้ แต่ถ้าคนใดไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดก็ยากที่จะไปแก้ไขให้เขาเป็นบัณฑิต มีแต่จะเป็นอันธพาลได้มากขึ้นทุกวัน
เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะคิดหาทางป้องกันไม่ให้เราเป็น คนเห็นแต่โทษของคนอื่น แต่ไม่เห็นโทษของตัวเราทุกทีไป ตรงนี้มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
ถ้าเราดูแม้แต่พระพุทธรูปทุกองค์ ยังเป็นปริศนาธรรม ว่าทำไมพระพุทธรูปทุกรูปจึงต้องมองต่ำ ทำไมไม่ทำตาเหลือก หรือทำตาหันซ้ายหรือหันขวา จริงๆความหมายก็คือว่า พระ พุทธรูปต้องทอดพระเนตรดูต่ำ คือการดูตัวเองให้มาก คือมองตัวเองให้มาก เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าอะไรมันเข้ามาหาเราบ้าง ความคิดผิดพลาด กิเลสชั่วร้าย มันเข้ามาในใจเราหรือไม่ ถ้ามันเข้ามาเราจะรู้เราจะเห็นได้ทันที
ถ้าทำได้อย่างนี้ก็คงจะใกล้ๆเป็นพระอรหันต์มากขึ้นแล้ว เขาถึงบอกว่ารู้อะไรไม่วิเศษเท่ากับเรารู้ความผิดพลาดของตัวเอง จะได้แก้ไขด้วยตัวเอง ถ้าเราไปรู้แต่เรื่องของคนอื่นเขา มันก็ไม่ได้แก้ไขอะไรได้สักเท่าไร นอกจากระบบกฎหมาย ระบบอะไรก็ว่ากันไป
อาตมาอยากจะฝากบอกว่าขอให้ตั้งใจที่จะอยู่อย่าง ฉลาดด้วยการรู้เท่ารู้ทันกับความผิดพลาดของตัวเอง จะได้รู้แก้รู้กัน รู้เท่ารู้ทันให้มากขึ้น และไม่นานเท่าไรเราก็จะได้โอกาส โอกาสปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ป้องกันความผิดพลาดของตัวเองได้มากขึ้น
เพราะถ้าเราเอาหลักคำสอน หลักปริยัติคำสอนเหล่านี้มาใช้เพื่อป้องตัวเองได้ขึ้นทุกวัน ทุกวัน ตัวเราเองก็ผิดพลาดน้อย ผิดก็รู้เท่ารู้ทันรู้แก้รู้กัน ถ้าเราไม่มัวเสียเวลาไปเพ่งโทษคนอื่น ไปเฝ้าดูความผิดพลาด ความคิดนึก ความใฝ่ฝันของเราให้มันมากทุกวัน ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดีงาม เจริญพร
สำนัก(ข่าว)พระพยอม ประจำวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๙