คนเราเลือกเกิดไม่ได้... แต่เลือกที่จะสวยได้ ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่กระแสที่มาแรงสุดๆ คงจะหนีไม่พ้นการทำศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงาม ซึ่งมีคลินิกผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ในสัปดาห์นี้ M Lite จึงขอเจาะเกาะกระแสศัลยกรรมไทยจาก นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี ในโอกาสเปิดตัวโครงการค้นหา ยันฮี พรีเซ็นเตอร์ ปี 52 ที่ส่งเสริมให้คนไทยสวยขึ้นทั้งภายนอกและภายใน
“ทัศนคติของคนไทยต่อการทำศัลยกรรมตกแต่งนั้นดีขึ้นมาก อย่างสมัยก่อนคนสูงอายุก็จะห้ามลูกหลานไม่ให้ทำเพราะอันตราย อาจจะบวม เน่า หรืออักเสบ แต่ยุคสมัยนี้ก็พัฒนาขึ้นมาเยอะมากเรื่องความปลอดภัย ไม่เสียหาย ทั้งยังทำให้มีความสุขยิ่งขึ้น จากคนที่ไม่เชื่อมั่น ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง มีความทุกข์ ไม่ร่าเริงแจ่มใส หรือไม่กล้าที่จะออกงานสังคม หรือเก็บตัว”
แม้แต่เรื่องการสมัครงาน ธุรกิจสมัยนี้นอกจากมองที่ความสามารถแล้ว ยังมองที่บุคลิกด้วย สังคมจึงเปิดกว้างมากขึ้น เพราะการมีบุคลิกภาพที่ดีหมายถึงการเพิ่มโอกาสให้ตัวเองมากขึ้นด้วย
แต่ก่อนคนที่อยากศัลยกรรมมีจำนวนมาก แต่ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของแพทย์ไทยว่าเก่งจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ ก็เริ่มมีผลงานออกมา เทคโนโลยีต่างๆ ก็พัฒนาขึ้น มีการทำประชาสัมพันธ์ออกมาเรื่องของความปลอดภัย ผ่าตัด 100 คนต้องปลอดภัย 100 คน ซึ่งเมื่อก่อนมีอัตราเสี่ยงถึง 5% เพราะฉะนั้นความสามารถของแพทย์เป็นประเด็นที่สำคัญมากที่สุด
Thanks ASTVผู้จัดการรายวัน 28 สิงหาคม 2552 22:57 น.
ต่อมาคือเครื่องมือ เทคโนโลยี และอุปกรณ์ต่างๆ หากที่ใดมีเงินก็สามารถซื้อได้เหมือนกัน แต่ความรู้ความสามารถของแพทย์นั้นสำคัญ ต้องเรียนจบเฉพาะทาง มีประสบการณ์และความชำนาญ
ส่วนการเสริมความมั่นใจให้ประชาชนในเรื่องการทำศัลยกรรมก็คือ มีกระบวนการเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก สองคือเทคโนโลยี บางคนจะเปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อศึกษาเปรียบเทียบการทำศัลยกรรมในแต่ละประเทศทั้ง อเมริกา ยุโรป เอเชีย ซึ่งก็จะพบว่าเหมือนกันหมดก็จะมีความมั่นใจขึ้นมา ไม่ใช่เพียงการนั่งรับข้อมูลจากแพทย์หรือพยาบาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ขณะเดียวกัน กระแสศัลยกรรมของเกาหลีตอนนี้มาแรงมาก รองลงมาคือไต้หวัน คนไทยบางส่วนเดินทางไปผ่าตัดทำที่เกาหลี แม้จะแพงกว่า แต่มีการการันตีว่าดีกว่าเมืองไทย ทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดตัวการทำศัลยกรรมตกแต่งเพียง 3 ปีเท่านั้น ซึ่งเมืองไทยทำมานานถึง 14 ปีแล้ว
ส่วนหนึ่งรัฐบาลก็ส่งเสริมให้เมืองไทยเป็น Medical Hub รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่เปิดวีซ่าให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำศัลยกรรมเสริมความงาม ส่วนภาคเอกชนก็จะปรับราคาให้สมดุลต่ำลงอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามา
นอกจากโรงพยาบาลใหญ่แล้ว คลินิกศัลยกรรมต่างๆ ที่มีเปิดกิจการสาขาจำนวนมาก มองว่าเป็นเรื่องดี เพื่อความสะดวกในการเดินทางของคนไข้ สามารถใช้บริการในพื้นที่ของตนได้ ซึ่งในคลินิกบางแห่งก็สามารถทำบางรายการได้ในการผ่าตัดเล็ก ซึ่งหากเป็นการผ่าตัดใหญ่แล้วก็จะเดินทางมาทำที่โรงพยาบาล จึงไม่ได้มองว่าคลินิกเหล่านั้นเป็นคู่แข่ง แต่มองว่าเป็นคู่ค้ามากกว่า เพราะจะให้เดินทางมาทำที่ใดที่เดียวคงเป็นไปไม่ได้ การมีคลินิกกระจายอยู่ทั่วประเทศก็จะช่วยกันทำให้คนไทยสวยขึ้น มีความสุขมากยิ่งขึ้น
“ความสวยที่พอดี คือความสวยในระดับที่ตนเองพอใจ ซึ่งในปัจจุบันจะไม่มีคำว่าอันตรายอีกแล้ว ทั้งแพทย์และเทคโนโลยีต่างถึงพร้อม ซึ่งก่อนผ่าตัดแพทย์จะต้องตรวจสุขภาพ ความพร้อมของคนไข้ ส่วนความพอใจนั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลนั้น แต่จำเป็นต้องมาปรึกษาแพทย์หรือขอคำแนะนำก่อนว่าทำได้หรือไม่ได้”
นอกจากนี้ คุณหมอยังบอกด้วยว่า คนไข้ควรศึกษาว่าแพทย์จบมาเฉพาะทางไหม เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ใช้ทันสมัยหรือไม่ ทีมแพทย์มีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด สุดท้ายจะเป็นปัจจัยเรื่องราคาว่าแพงเกินเหตุหรือไม่ ซึ่งสำหรับผู้ที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปก็อยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละคน ส่วนเยาวชนที่อายุต่ำกว่านั้นจำเป็นต้องให้ผู้ปกครองเป็นผู้พิจารณา หรือมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทำศัลยกรรมด้วย